ปริมาณน้ำมันเกียร์ที่ค้างอยู่ในอ่างเกียร์ !!!
ถ้าเราใช้การถ่ายแบบขันน๊อตเบอร์ 19 ออก และขันน็อตหกเหลี่ยมซึ่งเป็นท่อเช็คระดับน้ำมันเกียร์ ,น้ำมันเกียร์ก็จะค้างอยู่ในอ่าง 1.5 ลิตร ก็เท่ากับว่าถ่ายออกมาได้แค่ 2.5 ลิตร เท่านั้น ,ซึ่งการถ่ายแบบเปิดอ่างน้ำมันจะออกมา 4 ลิตร , ส่วนรุ่นที่มีก้านวัดระดับน้ำมันเกียร์ น้ำมันที่ค้างอยู่ในอ่างก็จะน้อยกว่า 1.5 ลิตร
รูปนี้เป็นอ่างน้ำมันเกียร์ของ Nissan March ซึ่งใช้การวัดแบบการเติมล้น
ส่วนรูปนี้เป็นรุ่นที่มีก้านวัดระดับน้ำมันเกียร์ ,ซึ่งดูได้จากระดับน็อตถ่ายต่ำกว่าขอบอ่าง ไม่เหมือนกับรุ่นที่มีก้านวัดล้นซึ่งเท่ากับขอบอ่างพอดี ,, แล้วทำไมเขาไม่ทำให้มันเรียบติดก้นอ่างไปเลยจะได้ถ่ายน้ำมันออกได้หมด , น่าจะเป็นเพราะถ้าข้างในเรียบ ข้างนอกที่เป็นหัวน็อตก็ต้องนูน ,ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้นกรณีที่เรารถตกหลุมหรือท้องอ่างครูดกับถนนหัวน็อตจะโดนขูดและทำให้น็อตหลุดหรือน๊อตขาดได้เลย ,คราวนี้ละก็งานงอกไม่ใช่น้อย , เขาก็เลยต้องออกแบบอย่างนั้นเพื่อให้หัวน๊อตหลบต่ำกว่าพื้นอ่างตามรูป ,ถ้าอ่างครูดกับถนนก็ไม่โดนหัวน๊อตโอกาสที่น็อตหลุดหรือน๊อตขาดก็แทบจะไม่มี , ส่วนรุ่นที่อ่างเรียบและไม่มีน๊อตก็มีอยู่ในเกียร์ Ford บางรุ่นและอยู่ในเกียร์ของ GM บางรุ่น เท่าที่เคยเจอนะครับ เวลาเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ก็ต้องเปิดอ่าง อาจจะเป็นวิธีการบังคับกลายๆว่าถ้าเปิดอ่างก็เปลี่ยนกรองซะเลยหรือเปล่า ? ดังรูปด้านล่างที่หลบมุมหัวน็อต
ข้อต่อมาคือถ้าเราไม่เปิดอ่างเราก็ไม่สามารถเช็ดเศษผงโลหะต่างๆที่เกาะอยู่ที่แม่เหล็กออกไปได้ , และเราไม่สามารถล้างหรือเปลี่ยนกรองน้ำมันเกียร์ได้ ,เหตุผลอันดับต้นๆที่ทำให้เกียร์พัง ก็เนื่องจากการไหลเวียนของน้ำมันเกียร์ไม่สะดวกเนื่องจากกรองตัน,ทำให้แรงดันในระบบและการหล่อลื่น รวมถึงการระบายความร้อนของชิ้นส่วนต่างๆมีปัญหา อันนำไปสู่ปัญหาของเกียร์พังในที่สุด
ซึ่งการเปลี่ยนน้ำมันเกียร์และกรองน้ำมันเกียร์ก็ควรจะเลือกใช้ของแท้เท่านั้น ,ดังรูปด้านล่าง
การวัดระดับน้ำมันเกียร์ให้ถูกต้องก็ควรจะเป็นไปตามคู่มือ, ไม่ควรยึดว่าถ่ายออกมาเท่าไหร่แล้วเติมกลับเข้าไปเข้าไปเท่านั้น ,ถ้าก่อนหน้านี้น้ำมันขาดอยู่แล้วเราจะเติมน้ำมันใหม่กลับเข้าไปแบบขาดๆก็ไม่ถูกต้อง ,หรือก่อนหน้านี้เติมมาจากที่ไหนแบบเกินๆแล้วเราจะใส่น้ำมันใหม่กลับแบบเกินๆแบบนี้ก็ไม่ถูกต้องเช่นกัน ,จุดเล็กๆน้อยๆหรือข้อสังเกตหรือความเข้าใจของแต่ละอู่ก็จะไม่เหมือนกัน ,ในการตัดสินใจเข้าไปใช้บริการจากอู่ไหนก็ควรจะศึกษาและทำความเข้าใจ รวมถึงโทรไปสอบถามกันก่อนจะได้ข้อมูลที่ถูกต้องและรถที่ท่านรักจะได้ไม่เกิดความเสียหาย
รูปนี้เป็นอ่างน้ำมันเกียร์ของ Nissan March ซึ่งใช้การวัดแบบการเติมล้น
ส่วนรูปนี้เป็นรุ่นที่มีก้านวัดระดับน้ำมันเกียร์ ,ซึ่งดูได้จากระดับน็อตถ่ายต่ำกว่าขอบอ่าง ไม่เหมือนกับรุ่นที่มีก้านวัดล้นซึ่งเท่ากับขอบอ่างพอดี ,, แล้วทำไมเขาไม่ทำให้มันเรียบติดก้นอ่างไปเลยจะได้ถ่ายน้ำมันออกได้หมด , น่าจะเป็นเพราะถ้าข้างในเรียบ ข้างนอกที่เป็นหัวน็อตก็ต้องนูน ,ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้นกรณีที่เรารถตกหลุมหรือท้องอ่างครูดกับถนนหัวน็อตจะโดนขูดและทำให้น็อตหลุดหรือน๊อตขาดได้เลย ,คราวนี้ละก็งานงอกไม่ใช่น้อย , เขาก็เลยต้องออกแบบอย่างนั้นเพื่อให้หัวน๊อตหลบต่ำกว่าพื้นอ่างตามรูป ,ถ้าอ่างครูดกับถนนก็ไม่โดนหัวน๊อตโอกาสที่น็อตหลุดหรือน๊อตขาดก็แทบจะไม่มี , ส่วนรุ่นที่อ่างเรียบและไม่มีน๊อตก็มีอยู่ในเกียร์ Ford บางรุ่นและอยู่ในเกียร์ของ GM บางรุ่น เท่าที่เคยเจอนะครับ เวลาเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ก็ต้องเปิดอ่าง อาจจะเป็นวิธีการบังคับกลายๆว่าถ้าเปิดอ่างก็เปลี่ยนกรองซะเลยหรือเปล่า ? ดังรูปด้านล่างที่หลบมุมหัวน็อต
ข้อต่อมาคือถ้าเราไม่เปิดอ่างเราก็ไม่สามารถเช็ดเศษผงโลหะต่างๆที่เกาะอยู่ที่แม่เหล็กออกไปได้ , และเราไม่สามารถล้างหรือเปลี่ยนกรองน้ำมันเกียร์ได้ ,เหตุผลอันดับต้นๆที่ทำให้เกียร์พัง ก็เนื่องจากการไหลเวียนของน้ำมันเกียร์ไม่สะดวกเนื่องจากกรองตัน,ทำให้แรงดันในระบบและการหล่อลื่น รวมถึงการระบายความร้อนของชิ้นส่วนต่างๆมีปัญหา อันนำไปสู่ปัญหาของเกียร์พังในที่สุด
ซึ่งการเปลี่ยนน้ำมันเกียร์และกรองน้ำมันเกียร์ก็ควรจะเลือกใช้ของแท้เท่านั้น ,ดังรูปด้านล่าง
การวัดระดับน้ำมันเกียร์ให้ถูกต้องก็ควรจะเป็นไปตามคู่มือ, ไม่ควรยึดว่าถ่ายออกมาเท่าไหร่แล้วเติมกลับเข้าไปเข้าไปเท่านั้น ,ถ้าก่อนหน้านี้น้ำมันขาดอยู่แล้วเราจะเติมน้ำมันใหม่กลับเข้าไปแบบขาดๆก็ไม่ถูกต้อง ,หรือก่อนหน้านี้เติมมาจากที่ไหนแบบเกินๆแล้วเราจะใส่น้ำมันใหม่กลับแบบเกินๆแบบนี้ก็ไม่ถูกต้องเช่นกัน ,จุดเล็กๆน้อยๆหรือข้อสังเกตหรือความเข้าใจของแต่ละอู่ก็จะไม่เหมือนกัน ,ในการตัดสินใจเข้าไปใช้บริการจากอู่ไหนก็ควรจะศึกษาและทำความเข้าใจ รวมถึงโทรไปสอบถามกันก่อนจะได้ข้อมูลที่ถูกต้องและรถที่ท่านรักจะได้ไม่เกิดความเสียหาย
No comments:
Post a Comment