Monday, October 28, 2024

ทำไมทางร้านไม่แจ้งราคาค่าซ่อมเกียร์ในหน้าเว็บไซต์หรือในหน้าเพจ..?

 เรื่องที่ 1 คือถ้าแจ้งราคาไว้ ณ ตอนนี้ บางคนมาเปิดคลิปนี้อีก 3 ปีข้างหน้า ซึ่งราคาอะไหล่มันก็ไม่เท่าเดิมแล้ว

เรื่องที่ 2 ถ้าช่วงนั้นอะไหล่ขาดตลาดกว่าของจะเข้าอีก 2-3 เดือน แต่ลูกค้าต้องการจะใช้เกรดพรีเมี่ยม ก็ต้องสั่งเข้ามาทางเครื่องบิน ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าปกติ เมื่อเทียบกับมีอะไหล่สต๊อกอยู่ในประเทศไทย

เรื่องที่ 3 ถ้าแจ้งราคาลูกค้า แล้วรถลูกค้าขึ้นรถสไลด์มา รื้อเกียร์ออกมา อะไหล่ข้างในเกียร์เสียหายเยอะ หรือเสื้อเกียร์แตก ราคาก็จะไม่เท่ากับราคาที่แจ้งไป ลูกค้าอาจจะบอกว่าทางร้านหลอกให้เข้ามาก่อน แล้วค่อยเชือด 


เรื่องที่ 4 ถ้าแจ้งราคาไปแต่ไม่ตรงกับรุ่นรถ เช่น รถยี่ห้อเดียวกัน รุ่นเดียวกัน ปีเดียวกัน แต่เป็นคนละเครื่องยนต์ เครื่องเบนซิน หรือเครื่องดีเซล มีเทอร์โบ หรือไม่มีเทอร์โบ ,บางครั้งเกียร์ก็เป็นคนละรุ่น ซึ่งราคาค่าซ่อมและค่าอะไหล่ก็ไม่เท่ากันอีก 


เรื่องที่ 5 ลูกค้าไปเปลี่ยนเครื่องพร้อมเกียร์ซึ่งไม่ใช่อยู่ในรถรุ่นนั้นๆ ราคาค่าแรงและค่าอะไหล่ก็ไม่เท่ากันอีก 


              ผมพยายามทำทุกอย่างให้เคลียร์และชัดเจนจะได้ไม่ต้องมานั่งทะเลาะกันทีหลัง ก็เลยต้องให้ลูกค้าโทรมาสอบถามและคุยรายละเอียด ซึ่งผมว่ายกหูโทรศัพท์คุยมันสะดวกและรวดเร็วกว่าที่จะต้องมานั่งพิมพ์ตอบ ครับผม 


Tuesday, September 26, 2023

เรื่องเรื่องสำคัญหลังจาก overhual เกียร์

        หลังหลังจาก  Overhaul เกียร์เสร็จ เรื่องสำคัญอันดับต้นๆ คือการระบายความร้อนของน้ำมันเกียร์ และอุปกรณ์ที่ใช้ในการระบายความร้อนของน้ำมันเกียร์คือหม้อน้ำ หรือในบางรุ่นจะเป็น cooler/warmer



อายุการใช้งานของหม้อน้ำรถยนต์สามารถแปรผันไปตามหลายปัจจัย รวมถึงคุณภาพของหม้อน้ำ ประเภทของน้ำหม้อน้ำที่ใช้ สภาวะการขับขี่ และการดูแลรักษา โดยเฉลี่ยหม้อน้ำที่ได้รับการดูแลรักษาอย่างดีสามารถใช้งานได้ระยะเวลาตั้งแต่ 8 ถึง 15 ปีหรือมากกว่า ต่อการดูแลรักษาที่เหมาะสม ต่อไปนี้คือปัจจัยที่สามารถมีผลต่ออายุการใช้งานของหม้อน้ำรถยนต์:

  1. 1 คุณภาพ: หม้อน้ำมีคุณภาพที่แตกต่างกัน และหม้อน้ำที่ผลิตด้วยวัสดุและกระบวนการผลิตที่ดีกว่ามักจะใช้งานได้นานกว่า
  2. 2 น้ำหม้อน้ำ: การใช้น้ำหม้อน้ำชนิดที่ถูกต้องและการรักษาสัดส่วนน้ำหม้อน้ำถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญ น้ำหม้อน้ำช่วยป้องกันการกัดกร่อนและการร้อนเกินไป

  3. 3 สภาวะการขับขี่: ความร้อนหรือความเย็นขั้นสุด และการขับขี่ในสภาวะจราจรที่ต้องหยุดเร่ง-เบรคบ่อย ๆ สามารถสร้างแรงกดดันเพิ่มเติมให้กับหม้อน้ำและส่งผลกระทบต่ออายุการใช้งาน

  4. 4 การดูแลรักษา: การดูแลรักษาเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งรวมถึงการรดน้ำหม้อน้ำและการเปลี่ยนน้ำหม้อน้ำตามคำแนะนำของผู้ผลิต และการตรวจสอบรอยรั่วหรือความเสียหาย

  5. 5 พฤติกรรมการขับขี่: การขับขี่อย่างรุนแรงหรือการลากระหว่างขับขี่อย่างบ่อย ๆ สามารถเพิ่มแรงกดดันให้กับหม้อน้ำ

  6. 6 ปัจจัยสิ่งแวดล้อม: การสัมผัสกับเกลือบนถนน ขยะ และปัจจัยสิ่งแวดล้อมอื่น ๆ สามารถสร้างสภาวะกัดกร่อนและความเสียหาย

  7. 7 คุณภาพของงานซ่อม: หากหม้อน้ำเคยถูกซ่อมแซมหรือเปลี่ยนอะไรก็ตาม คุณภาพของงานซ่อมและชิ้นส่วนที่ใช้สามารถมีผลต่ออายุการใช้งาน

  8. 8 ผู้ผลิตและรุ่น: บางรถมาพร้อมกับหม้อน้ำที่มีความทนทานหรือสามารถระบายความร้อนได้ดีกว่ารถอื่น ๆ

Thursday, March 21, 2019

ถ่ายน้ำมันเกียร์แบบขันน็อตตัวเดียว VS ถ่ายแบบเปิดอ่าง

ปริมาณน้ำมันเกียร์ที่ค้างอยู่ในอ่างเกียร์ !!!


ถ้าเราใช้การถ่ายแบบขันน๊อตเบอร์ 19 ออก และขันน็อตหกเหลี่ยมซึ่งเป็นท่อเช็คระดับน้ำมันเกียร์ ,น้ำมันเกียร์ก็จะค้างอยู่ในอ่าง 1.5 ลิตร ก็เท่ากับว่าถ่ายออกมาได้แค่ 2.5 ลิตร เท่านั้น ,ซึ่งการถ่ายแบบเปิดอ่างน้ำมันจะออกมา 4 ลิตร , ส่วนรุ่นที่มีก้านวัดระดับน้ำมันเกียร์ น้ำมันที่ค้างอยู่ในอ่างก็จะน้อยกว่า 1.5 ลิตร



รูปนี้เป็นอ่างน้ำมันเกียร์ของ Nissan March ซึ่งใช้การวัดแบบการเติมล้น



ส่วนรูปนี้เป็นรุ่นที่มีก้านวัดระดับน้ำมันเกียร์ ,ซึ่งดูได้จากระดับน็อตถ่ายต่ำกว่าขอบอ่าง ไม่เหมือนกับรุ่นที่มีก้านวัดล้นซึ่งเท่ากับขอบอ่างพอดี ,, แล้วทำไมเขาไม่ทำให้มันเรียบติดก้นอ่างไปเลยจะได้ถ่ายน้ำมันออกได้หมด , น่าจะเป็นเพราะถ้าข้างในเรียบ ข้างนอกที่เป็นหัวน็อตก็ต้องนูน ,ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้นกรณีที่เรารถตกหลุมหรือท้องอ่างครูดกับถนนหัวน็อตจะโดนขูดและทำให้น็อตหลุดหรือน๊อตขาดได้เลย ,คราวนี้ละก็งานงอกไม่ใช่น้อย , เขาก็เลยต้องออกแบบอย่างนั้นเพื่อให้หัวน๊อตหลบต่ำกว่าพื้นอ่างตามรูป ,ถ้าอ่างครูดกับถนนก็ไม่โดนหัวน๊อตโอกาสที่น็อตหลุดหรือน๊อตขาดก็แทบจะไม่มี , ส่วนรุ่นที่อ่างเรียบและไม่มีน๊อตก็มีอยู่ในเกียร์ Ford บางรุ่นและอยู่ในเกียร์ของ GM บางรุ่น เท่าที่เคยเจอนะครับ เวลาเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ก็ต้องเปิดอ่าง อาจจะเป็นวิธีการบังคับกลายๆว่าถ้าเปิดอ่างก็เปลี่ยนกรองซะเลยหรือเปล่า ? ดังรูปด้านล่างที่หลบมุมหัวน็อต

ข้อต่อมาคือถ้าเราไม่เปิดอ่างเราก็ไม่สามารถเช็ดเศษผงโลหะต่างๆที่เกาะอยู่ที่แม่เหล็กออกไปได้ , และเราไม่สามารถล้างหรือเปลี่ยนกรองน้ำมันเกียร์ได้ ,เหตุผลอันดับต้นๆที่ทำให้เกียร์พัง ก็เนื่องจากการไหลเวียนของน้ำมันเกียร์ไม่สะดวกเนื่องจากกรองตัน,ทำให้แรงดันในระบบและการหล่อลื่น รวมถึงการระบายความร้อนของชิ้นส่วนต่างๆมีปัญหา อันนำไปสู่ปัญหาของเกียร์พังในที่สุด


ซึ่งการเปลี่ยนน้ำมันเกียร์และกรองน้ำมันเกียร์ก็ควรจะเลือกใช้ของแท้เท่านั้น ,ดังรูปด้านล่าง


การวัดระดับน้ำมันเกียร์ให้ถูกต้องก็ควรจะเป็นไปตามคู่มือ, ไม่ควรยึดว่าถ่ายออกมาเท่าไหร่แล้วเติมกลับเข้าไปเข้าไปเท่านั้น ,ถ้าก่อนหน้านี้น้ำมันขาดอยู่แล้วเราจะเติมน้ำมันใหม่กลับเข้าไปแบบขาดๆก็ไม่ถูกต้อง ,หรือก่อนหน้านี้เติมมาจากที่ไหนแบบเกินๆแล้วเราจะใส่น้ำมันใหม่กลับแบบเกินๆแบบนี้ก็ไม่ถูกต้องเช่นกัน ,จุดเล็กๆน้อยๆหรือข้อสังเกตหรือความเข้าใจของแต่ละอู่ก็จะไม่เหมือนกัน ,ในการตัดสินใจเข้าไปใช้บริการจากอู่ไหนก็ควรจะศึกษาและทำความเข้าใจ รวมถึงโทรไปสอบถามกันก่อนจะได้ข้อมูลที่ถูกต้องและรถที่ท่านรักจะได้ไม่เกิดความเสียหาย


Saturday, August 5, 2017

ตัวอุปกรณ์ Cooler/Warmer CVT Transmission

ตัวระบายความร้อนและอุ่นน้ำมันเกียร์


     อุปกรณ์ตัวนี้ถ้าอยู่ในรถที่อยู่ในประเทศเขตร้อนจะทำหน้าที่ระบายความร้อนของน้ำมันเกียร์ให้ลงมาเท่ากับน้ำในหม้อน้ำ ,ถ้าอยู่ในรถที่อยู่ในประเทศที่อากาศหนาวถึงขั้นติดลบมันก็จะช่วยเพิ่มอุณหภูมิของน้ำมันเกียร์ให้มาเท่ากับน้ำในหม้อน้ำ ,ซึ่งบ้านเราอยู่เมืองร้อนจะเติมน้ำประปาหรือ coolant เพื่อเพิ่มอุณหภูมิจุดเดือดอันนั้นก็แล้วแต่ ,แต่ในประเทศหนาวที่อุณหภูมิติดลบไม่สามารถเติมน้ำเปล่าหรือน้ำประปาได้ต้องเติม coolant ที่เขาใส่สาร  Antifreeze ไม่ให้มีการแข็งตัวที่อุณหภูมิที่ต่ำกว่า 0 องศาส่วนว่าจะแข็งตัวที่อุณหภูมิเท่าไหร่อันนี้ก็แล้วแต่ยี่ห้อ, ต้องดูที่ฉลากข้างขวด coolant นั้นๆแต่บ้านเราก็ไม่มีโอกาสได้เป็นอย่างนั้นก็ใช้ Coolant แบบเมืองร้อนหรือน้ำประปาก็ได้ถ้าไม่แคร์ว่าจะเกิดสนิมหรือตะกรันใน Cooler and warmer



        ที่นี้เราจะดูแลรักษาให้มันอยู่กับเราไปนานๆไม่รั่วไม่แตกไม่ซึมไม่มีปัญหาได้ยังไง ,
  1. ไม่กระทบกระแทก ไม่ชน ไม่เกิดความเสียหายภายนอก
  2. เติม coolant ทุกครั้งแทนน้ำประปาเพื่อป้องกันการเกิดสนิมและตะกรัน ,อย่าลืมว่าจะมีชิ้นส่วนบางอย่างที่เป็นเหล็กอยู่ในระบบหล่อเย็น ,ถ้าเกิดสนิมและตะกรันขึ้นแล้วเศษเหล็กหรือตะกรันเหล่านั้นหลุดและไหลวนอยู่ในระบบหล่อเย็น มันจะไปขวางทางเดินของน้ำในหม้อน้ำ หรือขวางทางเดินของน้ำใน Cooler and warmer หรือเปล่า ซึ่งเป็นไปได้มากว่ามันจะไปขวางทาง และจะทำให้แรงดันในจุดที่มันไปขวางเพิ่มขึ้น อาจจะทำให้เกิดการแตกร้าวฉีกขาด และนั่นก็จะทำให้น้ำและน้ำมันผสมกันแล้วน้ำมันกับน้ำที่ผสมกันมันก็จะเข้าไปอยู่ในเกียร์ก็จะทำลายชิ้นส่วนที่เป็น Fiction material หรือพวกแผ่นคลัชต่างๆทั้งในตัว เกียร์เองและใน Torque converter
  3. เปลี่ยนกรองเกียร์สม่ำเสมอตามรอบของมัน และเช็ดเศษผงเหล็กต่างๆที่เกาะอยู่ที่แม่เหล็กก้นอ่างเกียร์ ,เพื่อให้มั่นใจว่าถ้ามีเศษเหล็กมีหรือเศษผงโลหะต่างๆหล่นลงมามันจะมีพื้นที่ให้เกาะไม่ไปวนอยู่ในระบบหรือว่าวนไปติดอยู่ที่ Cooler and warmer

จะเห็นได้ว่าตัว Cooler and warmer ทำหน้าที่แลกเปลี่ยนความร้อนระหว่างของเหลวซึ่งมีอุณหภูมิต่างกันนั่นคือน้ำมันเกียร์ที่มีอุณหภูมิน่าจะประมาณ 100 กว่าองศาเซลเซียสและน้ำอุณหภูมิอยู่ประมาณ 80 กว่าถึง 90 องศาเซลเซียส จากคุณสมบัติของของเหลวมันจะพยายามทำให้อุณหภูมิของทั้ง 2 อย่างเท่ากัน ,ค่าดังกล่าวก็อาจจะอยู่ประมาณ 90 กว่าองศาเซลเซียส

     ซึ่งวิธีการลดอุณหภูมิในหม้อน้ำลง วิศวกรก็ได้ออกแบบเอาหม้อน้ำมาวางไว้ด้านหน้า และมีครีบระบายความร้อนเพื่อให้ลมผ่านได้สะดวกและไห้เอาความร้อนออกไปจากน้ำในหม้อน้ำ ,ดังนั้นผมจึงแนะนำว่าในการล้างรถทุกครั้ง ให้ฉีดรังผึ้งของหม้อน้ำเพื่อเอาคราบสิ่งสกปรกหรือฝุ่นหรือดินที่ติดอยู่ที่รังผึ้งของหม้อน้ำออกไปด้วย ลมที่เข้ามาปะทะมันจะได้ทะลุผ่านไปได้และนำความร้อนออกไปได้อย่างดี

Thursday, August 3, 2017

การใส่บูสปีกนกยูริเทน แทนของเดิม

บูสปีกนกยูริเทน


         ก่อนที่จะตัดสินใจเปลี่ยนบูชปีกนกจากบูสยางเดิมๆมาเป็นยูริเทนผมก็หาข้อมูลอยู่นานพอสมควรเกี่ยวกับข้อดีต่างๆและข้อเสียซึ่งมองดูแล้วในส่วนของข้อเสียก็คือรับได้ แต่ลืมมองในบางประเด็นไปดังที่จะเล่าให้ฟังนะครับ ,จะด้วยบารมีของหลวงปู่ทวดที่ผมเคารพบูชาหรืออภินิหารของแม่ย่านางรถที่ไม่ทำให้รถเสียหลักตีลังกาหรือประสบอุบัติเหตุร้ายแรงจนถึงขั้นเสียชีวิต ,
         ในตอนเช้าของวันที่เกิดเหตุก็ขับรถออกจากบ้านตามปกติแต่มีความรู้สึกว่าล้อมันเหมือนจะหลุดหรืออารมณ์ประมาณโคลงเคลงโครงเครง ,ก็เลยตัดสินใจว่าจะต้องขับรถวนกลับก็ใช้ความเร็วมาเรื่อยๆประมาณ 10 กิโลเมตรต่อชั่วโมงพอลงคอสะพาน ,เสียงดังปัง!! รถหยุด ล้อรถบิดงอตะแคง โชคดีที่ไม่มีรถตามหลังหมาไม่งั้นก็คงจะโดนเสยไปแล้ว ,ก็ลงมาก็มาดูเห็นว่าปีกนกฉีก ในใจแว๊บแรกก็คือ นึกถึงคืนก่อนหน้านั้นวิ่งทางไกลพอสมควรอยู่บนทางด่วนใช้ความเร็วประมาณ 90 ถึง 100 นึกไม่ออกเลยว่าถ้าปีกนกไปฉีกอยู่บนทางด่วนที่ความเร็วขนาดนั้นรถจะพลิก ตีลังกาแล้วจะตกลงมาจากทางด่วนหรือเปล่า , ในระหว่างที่เอารถเข้าไปเปลี่ยนปีกนกกับร้านทำช่วงล่างก็มานั่งหาข้อมูลว่าเกิดอะไรขึ้น,



ก็ได้คำตอบว่าจริงๆแล้วบูทปีกนกทำหน้าที่ ดูดซับแรงดึงแรงเหวี่ยงต่างๆในช่วงเข้าโค้ง, ซึ่งเขาออกแบบมาถูกต้องแล้วว่าให้ตัวบูทปีกนกพังเสียหายฉีกขาด ไม่ใช่ตัวปีกนกฉีกขาด ,แต่คนเราก็ไม่ชอบอาการโยนตัวตอนเข้าโค้ง ,ดังนั้นเราก็เลยต้องหาบูสยูริเทนมาใส่ซึ่งแน่นอนว่าช่วงเข้าโค้งมันหนึบมากไม่มีอาการโยนตัวทำให้ฟิลลิ่งในการเข้าโค้งมั่นใจมากขึ้นแต่หารู้ไม่ว่า,แรงดึงแรงเหวี่ยงต่างๆขณะที่เราเข้าโค้งซึ่งมันควรจะมาหยุดอยู่ตรงที่บูทปีกนกที่เป็นยางเพื่อรับแรงต่างๆแล้วตัวมันจะต้องฉีกขาดเมื่อมันถึงเวลาของมัน , กลายเป็นว่าบูทยูริเทนไม่สามารถดูดซับแรงดังกล่าวมันส่งผ่านไปที่ปีกนกก็เลยส่งผลให้ปีกนกต้องฉีกแทนดังรูปด้านบน ,
ยอมรับว่าตอนที่เปลี่ยนบูชยูรีเทนมาใหม่ๆเข้าโค้งได้ดีมาก เกาะถนนดีมาก ประกอบกับนิสัยการขับรถของผมคือไม่ค่อยผ่อนคันเร่งในส่วนของคอสะพานหรือเข้าโค้ง ,อารมณ์ประมาณมาเท่าไหร่ก็เข้าเท่านั้นถ้าโค้งไม่แคบจริงๆก็ไม่ผ่อนคันเร่ง ,มันก็เลยอาจจะเป็นสาเหตุทำให้ตัวปีกนกฉีกขาดเร็วกว่าปกติหรือเปล่าอันนี้ก็ไม่แน่ใจนะครับ , ที่แน่ๆบูทยูรีเทนไม่เหมาะกับผม , ส่วนใครที่ติดมาแล้วก็ลองหมั่นตรวจสอบดูนะครับถ้ามีเสียงผิดปกติเกิดขึ้นใต้ท้องรถด้านหน้าลองก้มดูนะครับว่าปีกนกเริ่มมีรอยฉีกหรือมีรอยร้าวหรือเปล่า , ส่วนใครที่ยังไม่ติดหรือต้องการจะติดก็ต้องชั่งน้ำหนักดูนะครับ ,เราได้บางอย่างเราก็ต้องเสียบางอย่าง ,ก็ต้องทำใจละครับมันคือกฎของธรรมชาติ….


เสียงหอนที่ออกมาจากในเกียร์

ลูกปืนในเกียร์แตก




เมื่อเราขับรถไปสักระยะหนึ่งอาจจะ 2-3  ปีหรือไมล์เลจได้หลายแสนกิโลเมตร, ความสึกหรอของชิ้นส่วนต่างๆก็จะมีให้เห็น ไม่ว่าจะเป็นช่วงล่างหรือเสียงต่างๆที่เกิดขึ้น หนึ่งในอาการเหล่านั้นก็คือเสียงหอนที่เกิดขึ้น นั่นเอง, แล้วเสียงหอนที่ว่ามันเกิดมาจากจุดไหน จากลูกปืนตัวไหน ในการตรวจสอบก็ต้องเอาขึ้นฮ้อยแล้วลองฟังเสียงดูว่ามาจากไหนอาจจะต้องใช้หูฟังตรวจสอบจิ้มดูว่าเสียงที่มันเกิด เกิดมาจากจุดไหนจากลูกปืนล้อหรือจากในเกียร์หรือจากลูกปืนตัวไหนกันแน่เราจะได้แก้ได้ถูกจุด , ถ้าเสียงมาจากในเกียร์แสดงว่าต้องมีลูกปืนตัวใดตัวหนึ่งเกิดความเสียหายแล้วแน่ๆ
ถ้าเพิ่งเริ่มเป็นอาจจะมีเสียงหอนอย่างเดียวแต่การขับขี่ฟิลลิ่งต่างๆอย่างปกติดีอยู่ , ถ้าอาการเริ่มหนักคือลูกปืนอาจจะเริ่มแตกชิ้นส่วนลูกปืนที่แตกอาจจะเข้าไปอยู่ในพวกเฟืองเหล็กต่างๆทำให้เฟืองเหล็กบดกับลูกปืนทำให้ชิ้นส่วนภายในเสียหายและเศษเหล็กต่างๆที่โดนบด ก็จะมาติดอยู่ที่ valve body ทำให้การทำงานผิดพลาดหรือกระตุกหรือมันอาจจะทำให้โซลินอยด์ช็อตได้เหมือนกัน
จากรูปจะเห็นว่าลูกปืนแตกละเอียดแบบแยกร่างออกจากกันเป็น 3 ส่วนเลย , ข้อสังเกตอันหนึ่งก็คือถ้าเริ่มมีเสียงหอนแสดงว่าต้องมีอะไรกะเทาะออก ,อาจจะเป็นผิวด้านในหรือด้านนอกของตัวเคสของลูกปืน (หมายเลข 1 และหมายเลข 2) ของรูปภาพ หรือผิวของตัวเม็ดลูกปืนกลมกลมมีการกะเทาะออกไปนิดนึง , เมื่อสตาร์ทเครื่องยนต์ เกียร์ทำงานลูกปืนในเกียร์ก็หมุนเมื่อลูกปืนหมุนมาโดนจุดที่มันกระเทาะมันก็จะมีเสียงดัง โว๊งๆ , วุ้งๆ ฯลฯ
เมื่อชิ้นส่วนของลูกปืนมีการกระเทาะไม่ว่าจะเป็นชิ้นส่วน 1 หรือ 2 หรือ 3 จากรูปภาพ หมุนอยู่ด้วยกัน ด้วยความไม่เรียบของพื้นผิวมันก็จะทำให้จุดกระเทาะเล็กๆก็จะขยายวงใหญ่ขึ้นและในที่สุดมันก็จะแตก ดังรูปภาพข้างต้น, ให้ลองนึกถึงหลุมเล็กๆบนถนนก็ได้นะครับสังเกตุว่าวันแรกที่เราวิ่งก็ยังเป็นหลุมเล็กๆอยู่ ผ่านไป 2 วันมาดูอีกทีหลุมมันก็ขยายใหญ่ขึ้นก็เพราะว่ามันโดนกระแทกไปเรื่อยๆ ทุกวันทุกวัน สุดท้ายมันก็พัง , มันก็เหมือนกับลูกปืนในเกียร์นั่นแหละครับ ,

       ดังนั้นถ้ามีเสียงหอนเกิดขึ้นภายในเกียร์พึงระลึกเสมอว่าลูกปืนตัวใดตัวหนึ่งเริ่มมีปัญหาแล้ว ท่านจะขับเข้าไปอู่เพื่อแก้ไข หรือขับจนมันพังแล้วค่อยลากเข้าอู่ อันนี้ก็เป็นสิทธิ์ของท่านรถของท่านเงินของท่าน ,ขอให้โชคดีจงมีแด่ท่านทุกคน, ขอบคุณครับ ...



Wednesday, August 2, 2017

Breathing tube (ท่อหายใจ) ของเกียร์ออโต้


เกียร์ขับหน้า




เกียร์ออโต้ทุกรุ่นทุกยี่ห้อจะมีท่อนี้อยู่ และจะอยู่ด้านบนของเกียร์เสมอไม่ว่าจะเป็นเกียร์ขับหน้าหรือขับหลัง
  • ทำหน้าที่ระบายไอน้ำมันออกไปสู่อากาศ ,
  • ช่วยระบายแรงดันในเกียร์ตอนเติมน้ำมันเกียร์ถ้าไม่มีท่อหายใจอันนี้ตอนเราเติมน้ำมันลงไปมันไม่ค่อยอยากจะลง , อารมณ์ประมาณเราเอาของเหลวใส่ในภาชนะที่ปิด ซึ่งเมื่อเราเติมของเหลวเข้าไปของเหลวก็จะไปแทนที่อากาศ ,ดังนั้นถ้าอากาศไม่สามารถออกมาได้ของเหลวที่เติมเข้าไปก็ไม่สามารถเข้าไปแทนพื้นที่ของอากาศในปริมาณนั้นๆได้
  • น้ำมันส่วนเกินจะโดนขับออกทางนี้ ,ในกรณีที่เราเติมน้ำมันเกียร์เกินค่ามาตรฐานมาเยอะมาก มันก็จะถูกขับออกทางนี้หรือในอีกกรณีถ้าในเกียร์มีปัญหาและเกิดความร้อนมากมันก็จะพ่นน้ำมันออกมาทางนี้เหมือนกัน ,จะสังเกตได้ว่าในห้องเครื่องจะเลอะเทอะไปด้วยน้ำมันในส่วนของรถขับหน้า, และในส่วนของรถขับหลังใต้ท้องรถก็จะมีคราบน้ำมันเลอะเทอะเต็มไปหมด

เกียร์ขับหลัง



สำรวจกันดูนะครับว่า breathing tube หรือท่อหายใจ ของเกียร์ของตัวเองอยู่ตำแหน่งไหน ,มีโอกาสที่จะหลุดหรือห้อยลงมาด้านล่างในระดับที่เมื่อวิ่งผ่านน้ำ แล้วน้ำจะเข้าได้หรือไม่ , ถ้าดูแล้วไม่น่าจะรอดก็ทำการย้ายตำแหน่งยึดท่อ breathing tube ใหม่, ถ้าเกิดน้ำเข้าเกียร์รับรองว่าเกียร์เสียแน่ๆไม่ว่าจะเข้าทาง Breathing tube หรือ oil cooler แตก , สิ่งแรกที่เสียหายแน่ๆไม่ต้องลุ้นก็คือพวก friction material  หรือแผ่นคลัชต่างๆทั้งในเกียร์ และ ในTorque converter เมื่อโดนน้ำมันก็จะร่อนหรือยุ่ย , ถ้าเป็นเกียร์ cvt โซ่ cvt และลูกตุ้ม cvt เสียหายด้วยเช่นกัน เนื่องจากถ้าน้ำเข้าไปประสมในน้ำมันเกียร์คุณสมบัติการหล่อลื่นของน้ำมันเกียร์ก็จะหายไป, ลูกปืนต่างๆที่หมุนอยู่ในเกียร์ซึ่งต้องการสารหล่อลื่นจากน้ำมันเกียร์ก็จะเสียหายไปด้วย, แผงควบคุมเกียร์, โซลินอยด์ แพ็ค ,โซลินอยด์ ,ที่สมองเกียร์ก็จะเสียหายไปด้วย , ซึ่งอุปกรณ์ไฟฟ้าเหล่านี้ถ้าเบิกที่ศูนย์มันจะมาทั้งชุดราคาหลายหมื่น, และ Torque converter บางรุ่นไม่สามารถผ่าเปลี่ยนแผ่นคลัชได้ ต้องซื้อของใหม่อย่างเดียวราคาหลายหมื่น , จะเห็นได้ว่าจุดเล็กๆที่เราลืมดูอาจจะนำมาซึ่งค่าใช้จ่ายหลายหมื่น ก็เป็นได้ …..